เทียบ Diode Laser 3 Wavelengths VS 4 Wavelengths อะไรคือความแตกต่าง

14 ต.ค. 2025

Diode Laser 3 Wavelengths และ 4 Wavelengths อะไรคือความต่าง
การตัดสินใจระหว่าง Diode Laser แบบ 3 Wavelength กับ 4 Wavelength ไม่ได้วัดกันที่ “จำนวนคลื่น” เพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับ การจับคู่คลื่นกับชนิดเส้นขน/โทนสีผิว, โปรไฟล์ความร้อน/ความสบายของผู้ป่วย, ไปจนถึงความเร็วในการทำเคส บทความนี้ จะสรุปภาพรวมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ ความหมายของ Wavelength บทบาทของแต่ละคลื่น และเหตุผลเชิงธุรกิจ

Table of Contents

Wavelength ในเครื่อง Diode Laser คืออะไร

ความยาวคลื่นเลเซอร์ (Laser Wavelength) คือคุณสมบัติของแสงเลเซอร์ที่กำหนดระยะของคลื่นแสง (มีหน่วยเป็นนาโนเมตร, nm) ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการซึมลึกลงสู่ผิวและการเลือกจับกับเมลานินหรือเป้าหมายอื่น ๆ ในผิวหนัง สำหรับเครื่อง Diode Laser ที่ใช้ในการกำจัดขนถาวร ความยาวคลื่นที่นิยมใช้มากที่สุดคือช่วงประมาณ 800–810 nm (เรียกกันว่า Diode 808 nm) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานทองคำในการกำจัดขนและเหมาะกับผิวและเส้นขนหลากหลายประเภท อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีสมัยใหม่มีการนำความยาวคลื่นอื่นมาใช้เพิ่มเติม เช่น 755 nm (ช่วงคลื่นของเลเซอร์ Alexandrite), 940 nm, รวมถึงการผสมผสานหลายความยาวคลื่นเข้าด้วยกัน เช่น 755, 808, 1064 nm เพื่อครอบคลุมลักษณะผิวและเส้นขนที่หลากหลายยิ่งขึ้น การใช้หลายความยาวคลื่นในเครื่องเดียวทำให้เลเซอร์สามารถลงได้หลายระดับความลึกของผิวหนัง และจับกับส่วนประกอบต่าง ๆ ของรากขนได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการรักษา

Wavelength in Diode Laser

จากกราฟด้านบนจะเห็นได้ว่าคลื่นสั้นอย่าง 755 nm มีการดูดซับพลังงานโดยเมลานินสูงที่สุด ทำให้เหมาะกับการกำจัดขนบนผิวสีอ่อนและเส้นขนบาง ๆ เนื่องจากพลังงานถูกดูดซับเข้าไปในรากขนได้ดี (แต่ก็มีข้อจำกัดคือทะลุได้ตื้นกว่า) 808 nm เป็นช่วงคลื่นปานกลางที่สมดุลระหว่างความลึกและการดูดซับ เหมาะกับผู้รับบริการหลากหลายกลุ่ม เพราะสามารถลงลึกกว่า 755 nm และครอบคลุมสีผิวได้กว้างขึ้น โดยยังมีประสิทธิภาพกับเส้นขนขนาดกลางถึงหนาได้ดี ส่วน 1064 nm เป็นคลื่นยาวที่ทะลุได้ลึกที่สุดและถูกเมลานินดูดซับน้อยที่สุด จึงปลอดภัยกับผิวเข้มมาก ๆ (ไม่เสี่ยงเบิร์นผิวชั้นบน) แต่ก็จะเหมาะกับกำจัดขนหนาและลึก เช่น ขนบริเวณรักแร้หรือบิกินี มากกว่าจะใช้กับขนอ่อนหรือบางสีอ่อน ๆ นอกจากนี้ยังมี 940 nm ซึ่งเป็นช่วงคลื่นที่อยู่ระหว่าง 808 กับ 1064 nm โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือถูกดูดซับโดยเม็ดเลือดแดงในเส้นเลือดฝอยมากกว่าเมลานิน จึงสามารถใช้ทำลายหลอดเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงรากขน ส่งผลให้วงจรการเกิดขนใหม่ช้าลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากหลักการข้างต้น จะเห็นว่าการใช้หลายความยาวคลื่นร่วมกันสามารถช่วยให้พลังงานเลเซอร์กำจัดขนเข้าถึงได้ทุกส่วนของรากขน ทั้งส่วนตื้น ส่วนลึก และหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงขน สุดท้ายแล้ว ก็เพื่อให้ผลการกำจัดขนครอบคลุมและถาวรมากที่สุด โดยไม่ทำลายผิวหนังข้างเคียงนั่นเอง

คุณสมบัติของความยาวคลื่น ในเครื่องกำจัดขน

  • 755 nm (Alexandrite) ช่วงคลื่นสั้นที่ซึมลงผิวตื้น เหมาะกับการกำจัดขนที่อยู่ระดับตื้น เส้นขนบางหรือสีอ่อน และเหมาะกับผิวขาวหรือโทนสว่างเป็นหลัก เนื่องจากพลังงานถูกเมลานินดูดซับได้ดีมากในผิวชั้นตื้น เครื่องเลเซอร์ Alexandrite มักให้ผลไว เห็นผลเร็วในการจัดการขนอ่อนบางบริเวณบน เช่น ขนคิ้ว, ขนเหนือริมฝีปาก หรือไรผมหน้า แต่ไม่เหมาะกับผิวเข้มเพราะเสี่ยงผิวไหม้จากการที่เมลานินในผิวดูดซับพลังงานมากเกินไป
  • 808 nm (Diode) ช่วงคลื่นมาตรฐานของ Diode Laser ที่ซึมลึกปานกลางลงถึงรากขน จัดเป็นความยาวคลื่นที่สมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความปลอดภัย เหมาะกับสีผิวตั้งแต่ขาวจนถึงผิวสองสี/ผิวแทนระดับกลาง และสามารถกำจัดขนเส้นขนาดกลางไปจนถึงเส้นขนหนาได้ดี เลเซอร์ 808 nm ให้พลังงานเฉลี่ยสูง เข้าถึงรากขนได้ลึกพอสมควร และยังปลอดภัยกับผิวส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังให้การรักษาที่รวดเร็วและค่อนข้างสบายผิว เหมาะกับกำจัดขนเส้นเข้ม ๆ เช่น ขนแขนขา หนวดเครา เป็นต้น
  • 940 nm ช่วงคลื่นที่เพิ่มเข้ามาในเทคโนโลยีใหม่ (มีเฉพาะในเครื่องที่มี 4 Wavelengths) โดยเป็นความยาวคลื่นที่ซึมลึกเข้าไปใกล้เคียงกับ 1064 nm แต่มีการดูดซับโดยเม็ดสีเมลานินต่ำกว่า 808 nm จึงค่อนข้างปลอดภัยกับผิวเข้มหรือผิวบอบบางที่ไวต่อความร้อน จุดเด่นสำคัญคือ เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดฝอยจะดูดซับเลเซอร์ 940 nm ได้ดี ทำให้เลเซอร์ช่วงนี้สามารถ ทำลายเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงรากขน ได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้รากขนขาดแหล่งอาหารและออกซิเจนที่จะสร้างขนใหม่ ช่วยชะลอการเกิดขนชุดใหม่ได้นานขึ้น ความยาวคลื่นนี้เหมาะกับการใช้งานบนผิวระดับกลาง เช่น ผิวเอเชียทั่วไป และเนื่องจากครอบคลุมช่วงระหว่าง 808 และ 1064 nm จึงช่วยให้การรักษาครอบคลุม ทุกเฉดสีขนตั้งแต่สีอ่อนจนถึงสีเข้ม และทุกขนาดเส้นขนตั้งแต่เส้นบางจนถึงเส้นหนา ในการยิงด้วยเครื่องเดียว
  • 1064 nm (Long-pulsed Nd:YAG) ช่วงคลื่นยาวที่สุดที่ทะลุผ่านลงได้ลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง ลงลึกที่สุดถึงต่อมรากขน เหมาะสำหรับกำจัดขนที่รากฝังลึกและเส้นขนหนาแข็ง เช่น ขนบริเวณหนวดเคราหนา ๆ หรือขนที่แข็งแรงบริเวณตัว เนื่องจาก 1064 nm มีการดูดซับโดยเมลานินต่ำที่สุด จึงปลอดภัยสำหรับคนผิวเข้มถึงผิวคล้ำมาก เพราะโอกาสที่ผิวชั้นบนจะดูดพลังงานจนไหม้มีน้อยกว่าเลเซอร์คลื่นสั้นชนิดอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ข้อด้อยคืออาจต้องทำหลายครั้งกว่าจะเห็นผลชัดเจนเทียบเท่าคลื่นสั้น และไม่เหมาะกับขนเส้นบางสีอ่อนเพราะพลังงานจับเมลานินได้น้อยเกินไปในกรณีนั้น

Diode Laser 3 Wavelengths คืออะไร?

Diode Laser 3 Wavelengths คือเครื่องกำจัดขนถาวรที่ออกแบบให้ยิงเลเซอร์ออกมาพร้อมกันสามช่วงคลื่นในหนึ่งเดียว โดยทั่วไปคือ 755, 808, 1064 nm ซึ่งแต่ละความยาวคลื่นจะเข้าจับกับรากขนในชั้นผิวที่ต่างระดับกัน เสริมประสิทธิภาพการกำจัดขนให้ครอบคลุมและรวดเร็วกว่าการใช้เลเซอร์ความยาวคลื่นเดียวแบบเดิม

เลเซอร์ทั้ง 3 ช่วงคลื่นนั้นจะถูกเมลานินในรากขนดูดซับและเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายรากขน เมื่อรากขนถูกทำลาย ขนจึงหลุดร่วงออกและไม่เจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ในบริเวณนั้น การรวม 3 ความยาวคลื่นไว้ในหนึ่งเดียวยังช่วยลดเวลาในการรักษา เพราะสามารถยิงครอบคลุมทุกความลึกของรากขนได้ในการยิงแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นที่มาของผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและผู้ป่วยรู้สึกสบายผิวมากขึ้น พลังงานถูกกระจายหลายช่วงคลื่นจึงไม่ร้อนที่ผิวชั้นบนมากเกินไป

จุดเด่นของ 3 Wavelengths

  • กำจัดขนได้ทุกส่วนของร่างกาย สามารถใช้ได้กับทุกบริเวณ ตั้งแต่ใบหน้า รักแร้ แขน ขา ไปจนถึงบริเวณบิกินี เพราะรวมความยาวคลื่นที่เหมาะสมกับความลึกของขนแต่ละบริเวณไว้ครบถ้วน
  • ทำลายรากขนได้ลึกถึงกระเปาะ และต่อมรากขน เมื่อรากขนถูกทำลายถึงต้นตอ ก็จะช่วยลดการเกิดขนเส้นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนที่ขึ้นใหม่จะบางลงและสีจางลงเรื่อย ๆ เมื่อทำต่อเนื่อง
  • เทคโนโลยี 3 คลื่นครอบคลุม 3 ระดับชั้นผิว ด้วยการผสมผสาน 755, 808, 1064 nm ทำให้เลเซอร์เข้าถึงได้ตั้งแต่ชั้นผิวตื้นจนถึงชั้นผิวลึก จึงจัดการได้ทั้งขนอ่อนและขนหนาในทุกสีผิวภายในเครื่องเดียว
  • มีระบบความเย็นช่วยให้ผิวสบาย หัวเลเซอร์มักมีการทำความเย็นผิวในตัว เพื่อลดความเจ็บและอาการแสบร้อนระหว่างทำ ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกสบาย ผิวไม่ไหม้หรือระคายเคืองง่ายน

Diode Laser 4 Wavelengths คืออะไร?

Diode Laser 4 Wavelengths คือเครื่องกำจัดขนถาวรรุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจากแบบ 3 ความยาวคลื่น โดยเพิ่มช่วงคลื่นเลเซอร์ขึ้นมาอีกหนึ่งระดับคือ 940 nm รวมเป็น 4 ช่วงคลื่นหลัก ได้แก่ 755 nm, 808 nm, 940 nm, และ 1064 nm

เครื่องประเภทนี้จะยิงพลังงานเลเซอร์ออกมาครอบคลุมทั้งสี่ความยาวคลื่น ซึ่งถูกออกแบบมาให้ดูดซับโดยเมลานินในรากขนและเม็ดเลือดแดงในเส้นเลือดฝอย พอถูกดูดซับแล้วพลังงานแสงจะเปลี่ยนเป็นความร้อนเพื่อทำลายเซลล์รากขนและเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงรากขน ส่งผลให้เส้นขนหลุดร่วงและหยุดวงจรการเกิดใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดเด่นของ 4 Wavelengths

  • กำจัดขนได้ทุกส่วนและทุกลักษณะเส้นขน ด้วยเทคโนโลยี 4 ความยาวคลื่น เครื่องชนิดนี้สามารถกำจัดได้ทั้งขนเส้นหนา-บาง และขนสีเข้ม-สีอ่อน ครอบคลุมทุกบริเวณของร่างกาย โดยยังคงอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง
  • ลงลึกทุกระดับชั้นผิว + ทำลายหลอดเลือดที่เลี้ยงรากขน พลังงานเลเซอร์ทั้งสี่ช่วงคลื่นเจาะลึกได้ทุกชั้นผิว ตั้งแต่ตื้นจนถึงลึกมาก และช่วง 940 nm ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยทำลายหลอดเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงรากขนได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ขนใหม่งอกช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ช่วยให้การกำจัดขนถาวรมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น
  • ระบบความเย็นขั้นสูง ผิวสบายไม่เจ็บ ตัวเครื่องมักมาพร้อมระบบทำความเย็นผิว เพื่อลดความร้อนสะสมที่ผิวหนังขณะยิงเลเซอร์ ผู้เข้ารับบริการจึงรู้สึกสบายผิว ไม่เจ็บหรือแสบร้อนขณะทำ และยังลดความเสี่ยงการไหม้ผิวหรือผลข้างเคียงต่าง ๆ
  • หัวเลเซอร์มีหลายขนาด มีขนาดหัว (Spot Size) ให้เลือกใช้หลากหลาย เพื่อให้เหมาะกับบริเวณต่าง ๆ เช่น หัวขนาดเล็กสำหรับจุดเล็ก ๆ อย่างหนวดหรือระหว่างคิ้ว และหัวขนาดใหญ่สำหรับพื้นที่กว้างอย่างหลังหรือขา ช่วยให้การรักษาในแต่ละบริเวณทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
  • ด้ามจับออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ด้ามจับถูกออกแบบมาให้จับถนัดมือ น้ำหนักสมดุล ลดความเมื่อยล้าของผู้ปฏิบัติงานเมื่อยิงเลเซอร์เป็นเวลานาน ๆ อีกทั้งบางรุ่นยังมีหน้าจอสัมผัสอัจฉริยะติดที่ด้ามจับ ทำให้ปรับตั้งค่าพลังงานหรือโหมดการรักษาได้สะดวกโดยตรงจากตัวด้ามเลเซอร์ เพิ่มความรวดเร็วและแม่นยำในการทำงาน

ข้อแตกต่างหลักระหว่าง 3 Wavelengths และ 4 Wavelengths

Diode Laser 4 Wavelengths มีช่วงคลื่น 940 nm เพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นจุดชูโรงที่ทำให้แตกต่างจากแบบ 3 Wavelengths โดยเลเซอร์ที่ 940 nm นั้นมีคุณสมบัติถูกดูดซับโดยเม็ดเลือดแดง ได้มากเป็นพิเศษ ทำให้สามารถทำลายเส้นเลือดฝอยที่ไปหล่อเลี้ยงรากขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รากขนขาดสารอาหารและออกซิเจนที่จะสร้างเส้นขนใหม่ จึงช่วยชะลอการเกิดขนใหม่ได้ดีกว่าเดิม นอกจากนี้ ในระบบ 3 Wavelengths ดั้งเดิม 755+808+1064 nm จะมีช่วงห่างระหว่างความยาวคลื่น 808 nm ถึง 1064 nm อยู่พอสมควร การเพิ่ม 940 nm เข้ามาจึงเสมือนการเติมเต็มช่องว่างนี้ ทำให้ครอบคลุมสเปกตรัมของการกำจัดขนได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น ทั้งด้านการซึมลึกและการดูดซับพลังงานในเป้าหมายต่าง ๆ กล่าวคือ เครื่อง 4 Wavelengths จะมีพลังงานเลเซอร์ที่ลงได้ทุกความลึกของชั้นผิว ตั้งแต่ชั้นตื้น 755 nm ชั้นกลาง 808 nm ชั้นลึก 940 nm จนถึงชั้นลึกมากที่สุด 1064 nm ในขณะเดียวกันก็ยังปลอดภัยต่อผิวทุกสี เพราะสามารถเลือกปรับใช้ความยาวคลื่นที่เหมาะกับผิวนั้น ๆ หรือยิงพร้อมกันเพื่อลดพลังงานต่อช่วงคลื่นลง ทำให้สามารถรักษาผู้เข้าบริการได้หลากหลายรูปแบบโดยไม่ทำลายผิวหนัง

ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ Diode Laser 4 Wavelengths มีแนวโน้มให้ผลการกำจัดขนที่รวดเร็วและครอบคลุมกว่าเครื่อง 3 Wavelengths ในเคสที่ยากหรือต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การกำจัดขนบนผิวคล้ำมากหรือขนที่ลึกและแข็งแรง เพราะเครื่องแบบ 4 คลื่นสามารถปรับพลังงานไปยังรากขนและหลอดเลือดได้พร้อม ๆ กัน ในขณะที่เครื่อง 3 คลื่นอาจโฟกัสเพียงเมลานินในขนเป็นหลักและอาจต้องใช้จำนวนครั้งในการยิงมากกว่าเพื่อจัดการกับขนลึกหรือขนที่ได้รับเลือดหล่อเลี้ยงดี อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น กำลังของเครื่อง เครื่องเลเซอร์ 3 คลื่นบางรุ่นที่มีกำลังสูงก็อาจให้ผลไม่ต่างจาก 4 คลื่นรุ่นทั่วไป และงบประมาณการลงทุนของคลินิกด้วย

Diode Laser 3 Wavelengths vs 4 Wavelengths

ทำไมคลินิกคุณต้องเลือก เครื่อง Diode Laser 4 Wavelengths

ในมุมมองของการดำเนินธุรกิจความงาม การลงทุนในเครื่อง Diode Laser 4 Wavelengths สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งด้านประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในระยะยาว เครื่องเดียวที่มีครบทุกความยาวคลื่น ช่วยให้คลินิกรับลูกค้าได้ทุกสีผิวและทุกลักษณะเส้นขนอย่างมั่นใจ ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเคสผิวเข้มหรือขนเส้นบางสีอ่อนอีกต่อไป นอกจากนี้ยังลดความจำเป็นในการซื้อเครื่องหลาย ๆ เครื่องสำหรับผิว/ขนแต่ละประเภท ช่วยประหยัดทั้งต้นทุนและพื้นที่ในคลินิก แต่ยังสร้างผลลัพธ์ได้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ซึ่งหมายถึงฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นและโอกาสสร้างรายได้ที่มากขึ้น ส่งผลให้คืนทุนได้รวดเร็วกว่าเดิม

อีกทั้งการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ เป็นหัตถการที่ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ถาวรชัดเจน เนื่องจากเส้นขนมีวงจรการเจริญเติบโตของมันเองและเลเซอร์จะได้ผลเต็มที่กับขนในระยะที่เหมาะสมเท่านั้น

ดังนั้นลูกค้าจะมีแนวโน้มกลับมาใช้บริการซ้ำ ๆ เป็นคอร์สตามที่แนะนำไว้ เช่น อาจต้องทำประมาณ 6–8 ครั้งเป็นต้น ซึ่งจุดนี้เองคลินิกสามารถจัดขายเป็นแพ็คเกจคอร์สกำจัดขนเพื่อให้ลูกค้ากลับมาอย่างสม่ำเสมอได้ สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องและโอกาสในการขายบริการอื่น ๆ เพิ่มเติม ขณะลูกค้ามาคลินิก

นอกจากนี้ การมีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง 4 Wavelengths ยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีให้คลินิกดูทันสมัยและเชี่ยวชาญ ลูกค้ามักจะมองว่าคลินิกที่ลงทุนเครื่องมือขั้นสูงสามารถให้ผลการรักษาที่ดีกว่าและสบายกว่าด้วย ทำให้เกิดความพึงพอใจและความภักดีต่อการใช้บริการระยะยาว ซึ่งท้ายที่สุดแล้วส่งผลดีต่อทั้งผลลัพธ์การรักษาของลูกค้าและความสำเร็จของธุรกิจคลินิกความงามของคุณเองนั่นเอง

รีวิว เครื่อง Diode Laser

รีวิว เครื่อง Diode Laser

สรุป

Diode Laser 3 Wavelength และ 4 Wavelength ต่างก็เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ช่วยกำจัดขนและดูแลผิวได้ดี แต่ความแตกต่างของจำนวนความยาวคลื่นส่งผลโดยตรงต่อความหลากหลายของการรักษาและประสิทธิภาพการทำงาน เครื่องที่มี 4 Wavelength จึงมักเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์คลินิกมากกว่า เพราะสามารถครอบคลุมทุกสภาพผิวและทุกปัญหาผิวได้ดีกว่า ทำให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น

Related Article

เทคโนโลยี Diode Laser ได้รับการพัฒนาไปอีกขั้นด้วย AI (Artificial Intelligence) ที่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดขนให้แม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่ AI
Diode Laser กลายเป็นเทคโนโลยีกำจัดขนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคลินิกเสริมความงามทั่วโลก ด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าและผลลัพธ์ที่ยาวนาน ช่วยให้ลูกค้าสามารถบอกลาขนที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างอ่อนโยนและปลอดภัย แต่ทำไมคลินิกเสริมความงามจึงเลือกใช้ Diode Laser เป็นตัวเลือกหลัก ?
การกำจัดขนด้วย Diode Laser เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในคลินิกความงาม เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิว แต่การใช้เลเซอร์ให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดนั้น จำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมินสีผิวและลักษณะเส้นขน รวมถึงการตั้งค่าพลังงานให้เหมาะสมกับโฟโต้ไทป์ของลูกค้า ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้เทคนิคสำคัญในการใช้