ทำไม Vital Injector ถึงดีกว่าการผลักยาแบบเดิม?

24 มิ.ย. 2025

ทำไม Vital Injector ถึงดีกว่าการผลักยาแบบเดิม?
การบำรุงผิวด้วยการผลักยาเข้าสู่ผิวเป็นวิธีที่คลินิกความงามนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เทคโนโลยีแบบเดิม ๆ อาจยังมีข้อจำกัดในเรื่องความลึกและประสิทธิภาพของการส่งตัวยาเข้าไปยังผิวชั้นใน ในปัจจุบัน Vital Injector ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างลงตัว ด้วยระบบผลักยาแบบแม่นยำและล้ำลึกกว่าเดิม ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวได้ดียิ่งขึ้น

Table of Contents

Vital Injector คืออะไร? ทำไมถึงเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจ

Vital Injector คือเครื่องมือแพทย์ประเภท Meso Gun ที่ถูกออกแบบมาเพื่อผลักสารอาหาร วิตามิน และเมโสต่าง ๆ ลงสู่ชั้นผิวหนังอย่างแม่นยำและทั่วถึง เครื่องนี้ช่วยกระจายตัวยาได้อย่างสม่ำเสมอในความลึกที่เท่ากันทุกจุด ด้วยระบบหัวเข็มที่สามารถปรับความลึกและปริมาณยาได้อย่างละเอียด ทำให้มั่นใจได้ว่าสารอาหารจะซึมเข้าสู่ผิวอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

นวัตกรรมของ Vital Injector ยังรวมถึงระบบสุญญากาศ (Vacuum System) ซึ่งช่วยดูดผิวขึ้นก่อนการทำหัตถการ ทำให้เลือดไม่ไหลย้อนกลับและลดอาการบวมช้ำหลังทำ นอกจากนี้ การทำหัตถการในแต่ละครั้งเทียบเท่ากับการลงเข็มถึง 9 จุดในเวลาเดียวกัน ช่วยให้การทำหัตถการรวดเร็วขึ้นและลดความเจ็บปวดได้มาก

ด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง Vital Injector จึงได้รับการยอมรับและใช้งานในวงการแพทย์ชั้นนำกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ทั้งในคลินิกความงามและโรงพยาบาลชั้นนำ ทำให้เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้รับบริการและแพทย์ผู้ทำหัตถการอย่างแท้จริง

การผลักยาแบบเดิมเป็นยังไง? มีข้อจำกัดอะไรบ้าง

การผลักยาแบบเดิม เป็นการผลักสารอาหารเข้าสู่ผิวที่ละจุด ซึ่งจะมีการผลักใน 2 รูปแบบ คือ

  1. แบบสะกิด
    เป็นวิธีการแบบเก่า ซึ่งใช้วิธีสะกิดผิวหน้าเป็นจุดเล็ก ๆ บริเวณผิวชั้นตื้นให้ทั่วบริเวณผิวหน้า ซึ่งจะช่วยในการผลักวิตามินให้ซึมเข้าสู่ผิวหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว 
    • ข้อดี คือ เจ็บน้อย เพราะใช้เข็มสะกิดเบา ๆ ทั่วบริเวณใบหน้า
    • ข้อเสีย คือ อาจติดเชื้อ หรือผิวอักเสบ เนื่องจากอุปกรณ์ไม่สะอาด เกิดผื่นแดงจากรอยเข็ม รวมถึงมีรอยช้ำเกิดขึ้นได้
  2. แบบ 16 จุด
    เป็นเทคนิคที่มีการคิดค้นขึ้นจากประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นการผลักยาตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง โดยจะใช้เข็มที่มีขนาดเล็กมากๆ แทงลงไปในชั้นผิวประมาณ 5-10 มิลลิเมตร เพื่อให้วิตามินซึมเข้าสู่ผิวได้ดี และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แบบไม่ต้องกลัวเจ็บ
    • ข้อดี คือ ตัวยาสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่ เห็นผลได้ดีขึ้น รวมถึงมีรอยเข็ม และรอยช้ำน้อยกว่า รวมถึงตัวยาออกฤทธิ์ได้นานกว่า
    • ข้อเสีย คือ มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแบบสะกิด และอาจจะเจ็บกว่าแบบสะกิด

ข้อจำกัด
การผลักยาแบบเดิม ทั้งแบบ 16 จุด และแบบสะกิด มีข้อจำกัดในเรื่องของความแม่นยำ จากการควบคุมการลงน้ำหนักมือ ทำให้ความลึกของเข็มที่ลงไปในแต่ละจุดมีความลึกที่ไม่เท่ากัน และปริมาณยาที่ผลักเข้าสู่ผิว อาจไม่เท่ากัน ซึ่งมาจากการใช้แรงในการผลักยาที่ไม่คงที่ในแต่ละจุด รวมทั้งยังมีข้อจำกัดจากการลงทีละเข็ม ทำให้ใช้เวลานานในการผลักยา

เปรียบเทียบ ผลักยาแบบเดิม vs เครื่อง Vital Injector

รายละเอียดผลักยาแบบเดิม (สะกิด / 16 จุด)Vital Injector
ความแม่นยำขึ้นอยู่กับแรงมือ ความลึกอาจไม่เท่ากันระบบควบคุมความลึกแบบดิจิทัล แม่นยำทุกจุด
การกระจายตัวยายาอาจกระจายไม่ทั่ว หรือไม่เท่ากันในแต่ละจุดกระจายยาได้เท่ากันทุกจุด ด้วย Multi-Needle
ความเร็วในการทำหัตถการผลักทีละจุด ใช้เวลานานผลักพร้อมกันได้ถึง 9 จุดในครั้งเดียว ประหยัดเวลา
ความเจ็บปวด/รอยช้ำอาจมีรอยช้ำ รอย เจ็บในบางจุดเจ็บน้อยลง ด้วยระบบดูดสุญญากาศ ลดการไหลย้อนของเลือด
ความปลอดภัยและการติดเชื้อเสี่ยงหากอุปกรณ์ไม่สะอาด หรือใช้มือเปล่าระบบกรอง 3 ชั้น  ลดโอกาสการติดเชื้อ อุปกรณ์ผ่านการฆ่าเชื้อ

Vital Injector เหมาะสำหรับคลินิกหรือผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แม่นยำ รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น ลดความเจ็บ ลดเวลาทำหัตถการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลักสารเข้าสู่ผิวอย่างทั่วถึง ต่างจากวิธีเดิมที่ต้องพึ่งทักษะของคุณหมอและใช้เวลานาน

Vital Injector ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีกว่าอย่างไร?

นอกจากผลของการเติมความชุ่มชื้นที่มาจากตัวยาหรือสารอาหารโดยตรงแล้ว เครื่อง Vital Injector ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงผิวได้ดีกว่าวิธีอื่นๆ อย่างชัดเจน เนื่องจาก Vital Injector เป็นเครื่องมือชนิด Meso Gun ที่สามารถควบคุมความลึกของเข็มและปริมาณยาได้อย่างแม่นยำในทุกๆ จุด

การส่งสารอาหารเข้าสู่ผิวด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ตัวยาหรือสารอาหารถูกกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอและทั่วถึงในชั้นผิวหนังลึก ซึ่งเป็นระดับที่ผิวสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แตกต่างจากการทาครีมหรือเมโสแบบสะกิดทั่วไปที่มักซึมเข้าผิวได้ตื้นกว่าและไม่ทั่วถึง

นอกจากนี้ Vital Injector ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ภายในผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น และเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว ผลลัพธ์คือผิวหน้าที่ดูอิ่มน้ำ สุขภาพดี และลดเลือนริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัดเจน

ด้วยระบบที่แม่นยำและความปลอดภัยสูง Vital Injector จึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้ง ขาดน้ำ หรือผิวที่ต้องการฟื้นฟูอย่างล้ำลึกอย่างแท้จริง

Vital Injector เหมาะกับใครบ้าง?

Vital Injector เหมาะกับทุกคนที่ต้องการบำรุงและฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ด้วยระบบที่แม่นยำและปลอดภัย ทำให้สามารถปรับรูปแบบการรักษาให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
    Vital Injector ส่งมอบสารบำรุงที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวลึกถึงชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ และเรียบเนียนขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิวให้กระชับ
    ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ผ่านการปล่อยวิตามินและสารอาหารเฉพาะจุด ช่วยให้ผิวหน้าดูเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
    Vital Injector ช่วยผลักสารอาหารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอักเสบ ให้ผิวกระจ่างใสและสีผิวเรียบเนียนขึ้น
  • ผู้ที่มีรูขุมขนกว้างและผิวมัน
    การผลักสารอาหารช่วยควบคุมความมัน และกระชับรูขุมขนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วแต่ไม่ต้องการพักฟื้นนาน
    Vital Injector ช่วยลดความเจ็บปวดและรอยช้ำ ทำให้ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ

ด้วยความแม่นยำของเทคโนโลยี Vital Injector ที่ควบคุมความลึกและปริมาณยาได้อย่างแม่นยำ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจนและปลอดภัยในระยะย

หลังทำ Vital Injector ต้องดูแลผิวยังไง?

  • งดล้างหน้า 6-8 ชั่วโมงหลังทำหัตถการ
  • งดใช้เครื่องสำอาง หรือแต่งหน้าประมาณ 1 วันหลังทำหัตถการ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด และความร้อน รวมทั้งทาครีมกันแดดเป็นประจำ
  • หลังทำหัตถการ อาจทำให้ผิวแห้งจากรอยเข็มได้มากขึ้น จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น
  • หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอย สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยรอยแดงจะหายไปประมาณ 1-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
  • งดใช้ครีมจำพวกไวท์เทนนิ่ง หรือครีมหน้าขาว
  • ควรใช้ครีมบำรุงที่มีวิตามินผสมเพื่อช่วยฟื้นฟูผิว
  • หลังทำทันที ควรงดกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง เช่น การอบซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้มีเหงื่อออกมาก
  • ผลกระทบหลังทำอาจจะเกิดขึ้นต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
  • ระหว่างการทำหัตถการ และหลังทำ หากมีอาการไม่สบาย หรือผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์

สรุป

Vital Injector เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การผลักตัวยาเข้าสู่ผิวอย่างมีประสิทธิภาพและลึกกว่าวิธีเดิม ด้วยระบบที่แม่นยำและควบคุมปริมาณยาได้ดี ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูสภาพผิว หรือแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุด นอกจากนี้ การดูแลผิวหลังทำก็ง่ายและไม่ยุ่งยาก ทำให้ Vital Injector เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าสำหรับคลินิกและผู้ใช้

Related Article

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ทางบริษัท Innoaesthetics laser ได้มีการโปรโมตนวัตกรรมอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Diode laser,
ในยุคที่เทคโนโลยีด้านการแพทย์และความงามก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความพึงพอใจให้กับผู้บริโภค หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการเสริมความงามคือ Vital Injector 3 ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาอย่างเหนือชั้น

Vital Injector 3 คืออะไร Vital Injector 3 คือ เครื่องมื […]